|
| ๖. อุตราวาตอติสาร เกิดแต่กองวาโย ๑๖ จำพวก เป็นสาธารณะทั่วไป ทุกแห่ง( แจ้งใน-คัมภีร์ชวตาร) ถ้ามีลงแต่สิ่งเดียว ให้พึงรู้ว่า อาการ
ยังกระทำอยู่ ุถ้าลงไป แพทย์วางยามิถูก กลายไปให้ปวดมวน เป็นมูกเลือด สมมุติว่า เป็นบิด
ยาแก้อุตราวาตอติสาร จันทน์แดง จันทน์ขาว ดอกฟักทอง ดอกบวบ เกสรบุนนาค เกสรสารภี สิ่งละส่วน เกสรบัวหลวง ๔ ส่วน
บดเป็นผงละเอียด ทำแท่งไว้ ละลายน้ำจันทน์ แทรกกับพิมเสน กินแก้ อุตราวาตอติสาร วิเศษนัก
|
|
|
|
| ลักษณะอาการของโบราณกรรมอติสาร ๕ อย่าง |
|
|
|
| ๑. อุมุธาตุอติสาร ว่าในกองเตโชธาตุ อันชื่อว่า ปริณามัคคีหย่อน เผาอาหารไม่ย่อย ให้ผะอืดผะอม แดกขึ้นแดกลง ให้ลงนับเวลามิได้ ครั้นสิ้นอาหารแล้ว ก็ให้ลงเป็นน้ำล้างเนื้อเหม็นคาว และให้กระหายน้ำ คอแห้ง ปากแห้ง ฟันแห้ง
ยาแก้ชื่อ ยาอมุธาตุอติสาร มี มหาหิงคุ์ รากหญ้านาง แก่นสน แก่นสัก กรักชี แก่นประดู่ ดอกคำไทย ดอกงิ้ว ครั่ง สีเสียดทั้ง
เอาเสมอภาค บดเป็นผงละเอียด ทำแท่งไว้ ถ้าจะแก้ลงเลือด ละลายน้ำใบเสนียดต้ม กินแก้อมุธาตุอติสาร หายแล
|
|
|
|
| ๒. ปฉัณณธาตุอติสาร อาการกระทำให้ลงเป็นน้ำชานหมาก และน้ำแตงโม แล้วทำให้จุก ให้แดก เป็นกำลัง แน่นในลำคอ กินข้าวกินน้ำไม่ได้ ให้อาเจียนลมเปล่า
ยาแก้ปฉัณณธาตุอติสาร มี ใบกรด ใบทับทิม ใบเทียนย้อม สิ่งละส่วน ใบช่า ๒ ส่วน
บดเป็นผงละเอียด ทำแท่งไว้ ละลายน้ำปูนใส กินแก้ปฉัณณธาตุอติสาร หายดีนัก |
|
|
|
| ๓. รัตตธาตุอติสาร เกิดแต่กองปถวีธาตุ มีเกศาเป็นต้น มัตถเกมัตถลุงคัง เป็นที่สุด อาการและประเภท มักให้ลงประมาณมิได้ ให้อุจจาระแดง ดังโลหิตเน่า และมีเสมหะระคน บางทีเขียวดังใบไม้
ยาแก้รัตตธาตุอติสาร ลูกจันทน์เทศ ลูกเบญกานี กฤษณา จันทน์ทั้ง๒ กำยาน สีเสียดทั้ง๒ ชันตะเคียน พริกไทย ขิง มาดเหลือง
เอาเสมอภาค บดเป็นผงละเอียด ทำแท่งไว้ ละลายน้ำครั่งก็ได้ น้ำฝางก็ได้ กินแก้รัตตธาตุอติสาร และอติสารทั้งปวง หายวิเศษนัก
|
|
|
|
| ๔. มุศกายธาตุอติสาร เกิดแต่กองอาโปธาตุ มีปิตตังเป็นต้น มุตตังเป็นที่สุด ลักษณะอาการคือ บริโภคอาหารสำแลงธาตุ ให้เป็นโลหิต เสมหะ เน่าเหม็น ดังกลิ่นซากศพ ให้กุจฉิสยาวาต และโกฏฐาสยาวาต ระคนกัน ให้ท้องขึ้น ประทะหน้าอก ให้แน่น ให้อาเจียนลมเปล่า ให้เหม็นอาหาร จะลุกนั่งมิได้ ให้หน้ามืดยิ่งนัก
ยาแก้มุศกายะาตุอติสาร จันทน์หอม รากมะอึก สมอไทย ผลกระดอม บอระเพ็ด ต้ม ๓ เอา ๑ กินแก้กายธาตุอติสาร วิเศษนัก
|
|
|
|
| ๕. กาฬธาตุอติสาร มี ๕ อย่างคือ
๕.๑ กาฬพิพิธ ขึ้นภายในแต่ขั้วตับให้ลงไป เป็นเลือดสดกำหนดมัน ถูกยาก็ฟังยาไปสี่วัน และห้าวัน อาการประเภทมัน ก็กลับกลายให้ ลงไป เป็นเลือดสดเน่าหมด ถ้วน ก็ปวดมวนเพียงขาดใจ ตั้งแต่จะรากไป ให้แน่นหน้า อุราร้อน สะอึกซ้อนเป็นชั้นๆ จะแก้กันก็ขัดสน สะอึกให้ ก็เวียน วนแต่ลงร่ำกระหน่ำใน ครั้นแก้ที่ลงห่าง สะอึกดังเพียงขาดใจ ให้ร้อนทุรนไป กายก็ผุเป้นแว่นวงเขียวแดงไปทั่วกาย เมื่อจะตาย ก็กลับลงเป็นเลือดสด กำหนด ปลงชีพนั้นในวันเดียว ( เว้นตาย)
๕.๒ กาฬพิพัธ นั้นขึ้นในชั้นหัวใจ ให้ขุ่นมัว ขั้วตับก็ดุจเดียว แต่อาการนั้นผิดกัน ลงดุนน้ำล้างเนื้อ เมื่อมันเน่า และเหม็นกลิ่น เหมือน ซากศพ อันที่ทรุดโทรมอยู่แรมคืน ให้หอบเป์นกำลัง สติยั้งไม่ยั่งยืน ผู้ใดจะได้คืนชีพนั้นอย่าสงกา
๕.๓ กาฬมูตร มันผุดกินอยู่ในตับให้ลงมา เป็นแต่โลหิตอุจจาระเน่า และดำไปเป็นก้อน เป็นลิ่มๆ ดุจก็ปิ่มดังถ่านไป กินปอดให้หอบ ใจกระหายน้ำเป็นกำลัง กินม้ามให้จับหลับเนตร เพศก็ดูดังปีศาจอันจริงจัง เข้าสิงสู่อยู่ในตน เท้าเย็น และมือเย็น นั่งก้มหน้า ไม่เงยหน้า คนพิการ กล ให้พ้นบ่น พะพึมไป อย่าจะกระทำกระสือซ้ำ เ้ข้าคุมใจ โทษนี้ใช่อื่นไกล กำเหนิด โรคมารยา ครั้นเมื่อจะดับสูญก็เพิ่มพูนด้วยวาตา พัดแผ่นเสมหะมา เข้าจุกแน่นในลำคอ จึงตัดอัสสาสะ ให้ขาดค้างเพียงลำคอ หายใจสะอื้นต่อจะตายหนอแล้ว ควรจำ
๕.๔ กาฬมูตร นั้นให้ลง เพทที่ลงก็ดูดำ ดังครามอันเขียวคล้ำ ให้เหม็นกลิ่นดังดินปืน ให้รากให้อยากน้ำ จะยายำไม่ฝ่าฝืน กลิ่นยาก็ยาคืน สะท้านรากลำบากใจ เสโทอันซึมซ่าน พิการ กายให้เย็นไป หยดลงก็ขาดใจ อันโทษนั้นอย่าสงกา
๕.๕ กาฬสิงคลี กาฬและกาฬนั้นย่อมปรากฎเกิดแก่ดีม ให้ซึมรั่วล้นไหลไป อุจจาระ ปัสสาวะ ทั้งเนื้อเนตรก็เหลืองใส เหลืองสิ้นตลอด ใน กระดูกดังขมิ้นทา ให้ร้อนทุรน รากระหาย หอบเป็นหนักหนา เซื่อมมึน และกิริยา ให้พะเพ้อละเมอไป โทษนี้ในสามวัน จักอาสัยอย่าสงสัย เพทเมื่อ จะขาดใจ ทะลึ่งไปจนสิ้นชนม์
ยาแก้กาฬธาตุอติสาร จันทน์ทั้ง ๒ ว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง สังกรณี เนระพูสี ลูกเบญกานี ลูกจันทน์
เอาเสมอภาค ลูกตะบูนเท่ายาทั้งหลาย บดเป็นผงละเอียด ปั้นเป็นแท่งละลายน้ำ ลูกพลับจีน รับประทานแก้กาฬธาตุอติสาร วิเศษนัก
( หลักฐาน ทีอ้างอิงตำรายาศิลาจารึก วัดพระเชตุพนๆ )
|
|
|
|
| ลักษณะอชินธาตุโรคอติสาร ว่าด้วยลักษณะการลงเป็นเพื่อสำแลง ๒ ประการ คือ |
|
|
|
| ๑. อชินธาตุ เป็นด้วยบริโภคอาหาร อันไม่ควรแก่ธาตุ
๒. อชินโรค เป็นด้วยบริโภคอันมิได้ควรแก่โรค
|
|
|
|
| ประเภทอชิน ๔ ประการ
๑. เสมหะอชิน
๒. ปิตตะอชิน
๓. วาตะอชิน
๔. สันนิปาตะอชิน
|
|
|
|
| ๑. เสมหะอชิน บังเกิดเพื่อบริโภคยาก็ดี ของกินก็ดี อันมิได้ควรแก่โรค และธาตุ มักกระทำให้ลงในเวลาเช้า อาการให้คอแห้ง อกแห้ง ให้สีอุจจาระ ขาว มีกลิ่นคาวระคนด้วยปะระเมหะ เป็นเปลว แล้วให้ ปวดคูถทวารเป็นกำลัง ถ้าแก้มิฟัง พ้นกำหนด ๑๒ ราตรีไป ก็จะเข้าอมุูธาตุอติสาร จัดเป็นปฐม อติสารชวร ถ้าจะแก้ ให้แก้แต่ยังอยู่ในเสมหะอชิน |
|
|
|
| ๒. ปิตตะอชิน บังเกิดเพื่อบริโภคยาก็ดี ของกินก็ดี อันมิได้แก่โรคและธาตุนั้น มักกระทำให้ลงในเวลากลางวัน มีอาการให้ร้อนในอก ให้สวิงสวาย ให้หิว หาแรงมิได้ ให้ตัวร้อน ให้จับดุจไข้ รากสาดสันนิบาต ให้อุจจาระแดง ให้ร้อนตามลำทรวงทวารขึ้นไป จนถึงทรวงอก มีกลิ่นดังปลาเน่า ให้ ปากแห้ง คอแห้ง มักให้อาเจียน บริโภคอาหารไม่รู้รส ถ้าแก้มิฟัง พ้นกำหนด ๗ ราตรีไป จะเข้ารัตตธาตุอติสาร จัดเป็นทุติยะอติสารชวร ถ้าจะแก้ให้ แก้แต่ยังอยู่ในปิตตะอชิน |
|
|
|
| ๓. วาตะอชิน บังเกิดเื่พื่อบริโภคยาก็ดี ของกินก็ดี อันมิได้ควรแก่โรคและธาตุนั้น มักกระทำให้ลงในเวลาพลบค่ำ อาการให้ท้องขึ้น และแน่นหน้า อกคับใจ ให้คลื่นเหียนอาเจียนแต่ลม ให้เท้าเย็น มือเย็น บริโภคอาหารไม่ได้ ให้คอแห้งมาก ให้อุจจาระมีสีอันคร้ำ มีกลิ่นเปรี้ยว เหม็นยิ่งนัก ถ้าแก้มิฟัง พ้นกำหนด๑๐ วันไป ก็จะเข้าปฉัณณธาตุอติสาร จัดเป็นตะติยะอติสารชวร ถ้าจะแก้ ให้แก้แต่ยังอยุ่ในวาตะอชิน |
|
|
|
| ๔. สันนิปาตะอชิน บังเกิดเพื่อบริโภคยาก็ดี ของกินก็ดี อันมิได้ควรแก่โรค และธาตุนั้น มักกระทำให้ลงในเวลากลางคืน มีอาการให้แน่นหน้าอก ใหหายใจสะอื้น ให้สะบัดร้อน สะท้านหนาว ให้เท้าเย็น ตัวร้อน ให้ลงไม่สะดวก ให้สีอุจจาะดำแดงขาวเหลืองระคนกัน ถ้าแก้มิถอยพ้น ๒๙ วัน ก็จะ เข้ามุศกายธาตุ อันระคน ด้วยกาฬธาตุอติสาร จะบังเกิด จัดเป็นจตุตถะอติสารชวร อันเนื่้องอยู่ในปัญจมขวร นั้น ถ้าจะแก้ ให้แก้แต่ยังอยู่ในสันนิปาตะ อชิน |
|
|
|
| ปักวาตะอติสาร (พิเศษ) บังเกิดแก่กองคูถเสมหะ กล่าวคือ วาโยพัดกำเริบ มิให้เสมหะคุมกัน เข้าได้ อุจจาระมีสีขาวดุจดังน้ำข้าวเช็ด เหม็นดุจ ซากศพอันเน่าโทรม ให้ลงไหลไปมิได้ว่างเวลา ให้บริโภคอาหารไม่ได้ ให้อาเจียนออกแต่เขฬะเหนียว ให้เนื้อเต้นให้เกิดสะอึก ลักษณะดังกล่าวมานี้ เป็นอสาทิยะอติสารโรค รักษายากนัก
|
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น