วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

TAPACปั๊มรายได้ปีหน้าแตะ534ล.

TAPACปั๊มรายได้ปีหน้าแตะ534ล.

 “ทาพาโก้” ตั้งเป้ารายได้ปีหน้าแตะที่ 534 ล้านบาท หวังปีนี้กวาดได้ 470 ล้านบาท หลังเล็งเห็นอุตสาหกรรมยายนต์เติบโตต่อเนื่อง ผสมโรงลูกค้าเก่าส่งออร์เดอร์เข้าเพียบ ส่งซิกยอดขาย Q4/53 ล้นทะลัก ส่วนไตรมาส 3/53 คาดรายได้ใกล้เคียงไตรมาส 2/53 ฟากเซียนเล็งเป้าหมายที่ 4.00 บาท ระบุครึ่งปีหลังเป็นไฮซีซั่นเชื่อคำสั่งซื้อทะลักจนผลิตไม่ทัน แถมจ่อปันผลไม่ต่ำกว่า 17-20 สตางค์
นายโสฬส ตั้งในธรรม กรรมการและผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท ทาพาโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ TAPAC เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 2554 อยู่ที่ 534 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 470 ล้านบาท สาเหตุที่ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นมาจากบริษัทได้มองเห็นว่ายอดคำสั่ง ซื้อ(ออร์เดอร์) จากลูกค้าเก่ามีเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และมีลูกค้าใหม่ที่สั่งสินค้าเพิ่มขึ้น คือลูกค้าชิ้นส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ และเครื่องพริ้นเตอร์ที่มีลูกค้าอย่าง RICOH
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมียอดขายสินค้าของกลุ่มพริ้นเตอร์อยู่ที่ 1.5-3 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้เป็นจำนวนมาก และจะส่งผลให้ในปี 2554 บริษัทมีคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้นอีก เนื่องจากลูกค้าในกลุ่มนี้เป็นลูกใหม่ของบริษัท อีกทั้งบริษัทยังได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็น ลูกค้าใหม่ของบริษัทเช่นกัน ซึ่งมียอดคำสั่งซื้อ 2.5-3 ล้านบาทต่อเดือน แต่ก่อนหน้านี้บริษัทมียอดคำสั่งซื้อจากลูกค้าดังกล่าวประมาณ 1 แสนบาทต่อเดือน
***Q4/53 กวาดยอดขาย 120 ลบ.****
นอกจากนี้ในไตรมาส 4/2553 บริษัทคาดว่าจะมียอดขายเข้ามาโดยรวมไม่ต่ำกว่า 120 ล้านบาท และคาดว่าต่อเดือนบริษัทจะมียอดขายสินค้าทั้งหมด 40-42 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจของบริษัทในครึ่งปีหลังถือเป็นช่วงไฮซีซั่น ซึ่งคาดว่าไตรมาส 4/2553 จะกลับเข้ามาเป็นไปตามเป้าหมายของแต่ละไตรมาสที่บริษัทตั้งไว้ รวมทั้งยังคาดว่าจะมีลูกค้าใหม่เพิ่มเข้ามาอีกหลายรายที่ยังมีการเจรจาอยู่ ในขณะนี้
สำหรับไตรมาส 3/2553 บริษัทคาดว่ารายได้จะใกล้เคียงกับไตรมาส 2/2553 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 127.50 ล้านบาท กำไรสุทธิ 11ล้านบาท ซึ่งในขณะนี้ยอดขายของบริษัทได้มีการชะลลอตัวลง เนื่องจากลูกค้าของบริษัทรายหนึ่งเกิดปัญหาการส่งของให้ลูกค้าไม่ทัน เนื่องจากผลิตสินค้าไม่ทัน จึงทำให้มีการชะลอคำสั่งซื้อสินค้าของบริษัทลง ส่งผลให้รายได้ของบริษัทในขณะนี้อยู่ที่ 39 ล้านบาทต่อเดือน

ส่วนผลการดำเนินงานในช่วง6 เดือนแรก บริษัทมีอัตราการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้น 55% หรือมีรายได้รวม 239.03 ล้านบาท กำไรสุทธิ 24.04 ล้านบาท และกำไรขั้นต้นที่ 29.51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทมีรายได้รวม 156.62 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5.60 ล้านบาท และกำไรขั้นต้น 27.06% ซึ่งบริษัทมีลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่องรวมทั้งคำสั่งซื้อทั้งลูกค้าเก่าและ ลูกค้าใหม่ที่มีเพิ่มเข้ามากขึ้น โดยคาดว่าทั้งปีบริษัทจะยังคงรักษาอัตราทำกำไรในระดับดังกล่าวไว้ได้
"ในครึ่งปีแรกเรามีผลประกอบการโตเพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบในช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมทั้งในปีนี้ทั้งปีเราจะรักษากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 29.51% จากปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 27.06%" นายโสฬส กล่าว
นอกจากนี้บริษัทได้มี การลงทุนซื้อเครื่องจักรในปีนี้ไปแล้วทั้งหมด 9 เครื่อง เพื่อรองรับกับคำสั่งซื้อที่จะเข้ามาในอนาคต ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตของบริษัทขยับขึ้น 1.1 พันตันต่อปี โดยใช้งบลงทุนในส่วนนี้ไป 35 ล้านบาท
สำหรับเรื่องของการจ่ายปันผลบริษัทได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปที่ 0.05 บาทต่อหุ้น ซึ่งก่อนหน้าคาดว่าจะจ่ายได้มากกว่า แต่เนื่องจากบริษัทได้นำกระแสเงินสดไปซื้อหุ้นคืนประมาณ 20 ล้านบาท จึงทำให้จ่ายได้น้อยลง แต่ถ้าในครึ่งปีหลังยอดขายและกำไรเป็นไปในทิศทางที่ดีบริษัทก็จะจ่ายพิ่มมาก ขึ้น
***โบรกเล็งเป้าหมาย 4 บาท***
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับ บริษัท ทาพาโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ TAPAC ในช่วงครึ่งปีหลังถือเป็นไฮซีซั่นของบริษัท และในขณะนี้เชื่อว่าบริษัทจะมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องจึงทำให้ไตร มาส 3/2553 ผลประกอบการจะเติบโตค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ไตรมาส 2/2553 บริษัทมีกำไรสุทธิ 11.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 1.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็น 571.53% จึงทำให้ในปีนี้ TAPAC เป็นหุ้นตัวหนึ่งที่มีความน่าสนใจ และคาดว่าในครึ่งปีหลังจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ 0.17-0.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งอัตราการจ่ายเงินปันผลจะอยู่ที่ 8% แนะนำ “ ซื้อ” โดยมีราคาเหมาะสมที่ 4.00 บาท ด้านเทคนิคมองแนวรับที่ 2.89 บาท และแนวต้านที่ 3.10 บาท
ราคาปิดของ TAPAC วานนี้(19 ส.ค.53) อยู่ที่ 2.92 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท หรือ 5.80% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 15.13 ล้านบาท


Thunhoon
Last update : 8/20/2010 11:47:26 AM

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น