โรคโลหิตระดูสตรี
คัมภีร์มหาโชตรัต กล่าวถึงโรคโลหิตระดูสตรีปกติโทษและระดูทุจริตโทษ ว่าด้วยหญิงตั้งแต่คลอดออกจากครรภ์มารดา เมื่อยังเด็กอยู่นั้นก็มีกำเนิดตานซางเช่นเดียวกับชาย เมื่อโตขึ้นจนถึงวัยมีระดู จึงมีส่วนที่แตกต่างจากชาย ๔ ประการ เพื่อที่จะให้เป็นที่กำเนิดทารก ได้แก่
๑. ๑. ถันประโยธร (เต้านมสำหรับเลี้ยงลูก)
๒. ๒. จริตกิริยา (การแสดงออกของร่างกาย)
๓. ๓. ประเวณี (อวัยวะเพศ)
๔. ๔. ต่อมโลหิตระดู (มดลูก)
กำเนิดโลหิตระดู
ตามคัมภีร์นี้แสดงว่า โลหิตระดูมาจากที่ต่างๆ กัน เมื่อโลหิตนั้นคั่งอยู่ ณ ที่ใด ก็จะให้โทษ มีอาการไปต่างๆ เมื่อโลหิตนั้นออกมาเป็นโลหิตระดูแล้ว อาการต่างๆ เหล่านั้นก็จะหายไป
หญิงจำพวกใด เมื่ออายุได้ ๑๔–๑๕ ปี สิ้นกำหนดตานซางแล้ว ต่อมโลหิตแห่งหญิงนั้นให้บังเกิด ขึ้นตามปกติ ให้แพทย์ทั้งหลายพิจารณาดูให้รู้ว่า โลหิตนั้นเกิดแต่ที่ใดๆ ตามอาการโทษก่อนหน้ามีระดู อาการไม่สบายเหล่านี้เรียกว่า โลหิตปกติโทษ ดังต่อไปนี้
๑. ๑. หทัย (จิตใจ) มีอาการจิตระส่ำระส่าย ใจลอย บ้าบ่น โกรธง่าย ขอบตาเขียว
๒. ๒. ขั้วดี (ปิตตะสมุฏฐาน) มีไข้ก่อน ๔-๕ วัน นอนซมไม่รู้กลางวันกลางคืน ละเมอเพ้อคล้ายพูดกับผี นอนสะดุ้งหวาด ให้สวิงสวาย หาแรงมิได้ บางทีผุดขึ้นมาเป็นจ้ำดำ
๓. ๓. ผิวเนื้อ มีอาการร้อน ผิวเนื้อผิวหนังแดงดุจผลตำลึงสุก บางทีมีผื่นขึ้นคล้ายออกหัด หรือมีเม็ดผื่นคล้ายไข้รากสาด ๒-๓ วัน บางทีว่าเป็นประดง
๔. ๔. เส้นเอ็น มีอาการประดุจดังไข้จับ สะบัดร้อนสะบัดหนาว ปวดศรีษะเป็นกำลัง
๕. ๕. กระดูก มีอาการเมื่อยขบไปทุกข้อ ดังจะขาดจากกัน เจ็บบั้นเอวสันหลังยิ่งนัก ต้องบิดตัวแบบบิดขี้เกียจแก้ปวดเมื่อย
โลหิตปกติโทษทั้ง ๕ ประการนี้ ท่านสังเคราะห์ไว้พอเป็นที่สังเกตแห่งแพทย์ทั้งหลาย ใช่ว่าจะมีเท่านี้หา
มิได้ ก็ย่อมมีทั่วทั้งอาการ ๓๒ และธาตุทั้ง ๕ เนื่องจากโลหิตปกตินั้นชุ่มแช่อยู่ทั่วตัวโดย(ธาตุ)ลมพัดให้กระจายไปทั่ว เมื่อสตรีผู้ใดถึงเวลาจะมีระดู ลมกองใดเคยกำเริบ ลมกองนั้นก็จะกำเริบขึ้นทุกครั้งทุกเดือน ถ้าอาการแปลกไปเป็นอย่างอื่น ก็คือลมกองอื่นกระทำ เรียกว่า โลหิตทุจริตโทษ
อาการไม่สบายเป็นประจำก่อนมีระดู ๕ ประการ (โลหิตปกติโทษ) ดังกล่าวแล้ว ทางการแพทย์แผนไทย
ให้รายละเอียดไว้ค่อนข้างชัดเจน และมียาแก้โดยเฉพาะ ดั้งนั้น แพทย์ควรซักประวัติโดยละเอียด แล้วจึงพิจารณาแต่งยารักษาโรค ซึ่งก็จะแตกต่างกันออกไปตามอาการของคนไข้
ยาแก้โลหิตปกติโทษ ๕ ประการ
๑. ๑. ยาแก้โลหิตปกติโทษจากหทัย (จิตใจ)
ขนานที่ ๑ ยาอุดมโอสถ (น้อย)
โกฐทั้งห้า เทียนดำ ลูกจันทน์เทศ สน จันทน์แดง จันทน์ขาว กฤษณา กระลำพัก อบเชยเทศ สมุลแว้ง ลักขี ชะเอมเทศ เปราะหอม สารพัดพิษ สมอเทศ สมอไทย เจตพังคี ว่านน้ำ บอระเพ็ด หัวแห้วหมู เกสรบุนนาค เกสรสารภี ดอกพิกุล สิ่งละ ๒ บาท, สารส้ม ๔ บาท ดอกคำฝอย ๑๖ บาท ตำเป็นผง บดทำแท่งไว้ ละลายน้ำดอกไม้แทรกพิมเสน ให้กิน
ขนานที่ ๒
สหัศคุณเทศ เปล้าน้อย แก่นสน หัวแห้วหมู พริกล่อน ดีปลี แข็งแห้ง ผลจันทน์ สิ่งละ ๑ บาท เทียนหลอด เทียนขาว เทียนสัตตบุษย์ เทียนดำ เทียนข้าวเปลือก สิ่งละ ๑ สลึง ทำผง ละลายน้ำผึ้งรวง กินครั้งละ ๑ สลึง แก้สรรพเลือดพิการต่างๆ ถ้าผู้หญิงโลหิตจับหัวใจ เป็นพิกลจริตต่างๆ ก็เป็นเพราะโทษโลหิตนั้นถ่ายเดียว ให้กินยานี้ไป โลหิตนั้นก็จะมีมาตามระดูแล
๒. ๒. ยาแก้โลหิตปกติโทษจากขั้วดี (ปิตตะสมุฏฐาน)
ขนานที่ ๑ ยาปทุมเกสรา
จันทน์ทั้งสอง อบเชยทั้งสอง กระดอม บอระเพ็ด หัวแห้วหมู สิ่งละ ๒ บาท โกฐทั้งห้า บัวน้ำทั้งห้า สิ่งละ ๔ บาท เบญจกูลสิ่งละ ๔ บาท ต้มให้กิน แก้สวิงสวาย
ขนานที่ ๒ ยามหาทิพรส
โกฐทั้งเก้า เทียนทั้งเจ็ด เปราะหอม กระดอม บอระเพ็ด หัวแห้วหมู มะตูมอ่อน ตรีผลา จุกโรหินี ผลสารพัดพิษ ผลจันทน์ ดอกจันทน์ กระวาน กานพลู อบเชยทั้งสอง สิ่งละ ๒ บาท ดอกสะเดา ๔ บาท ตรีกฏุกตามพิกัด บดทำแท่ง แทรกพิมเสน ให้กิน
๓. ๓. ยาแก้โลหิตปกติโทษจากผิวเนื้อ
ขนานที่ ๑ ยาเทพรังสฤษฎ์
โกฐสอ โกฐกระดูก โกฐเชียง เทียนแดง เทียนขาว เทียนข้าวเปลือก จันทน์แดง จันทน์ขาว กฤษณา กระลำพัก ขอนดอก ใบสันพร้าหอม ใบพิมเสน ผักกระโฉม สิ่งละ ๑ บาท เปราะหอม ๒ บาท โกฐหัวบัว ๖ บาท บดทำแท่งไว้ ละลายน้ำดอกไม้ แทรกพิมเสนให้กิน
ขนานที่ ๒ ยาอุดมโอสถ (ใหญ่)
ดินประสิวขาว สารส้ม การบูร สิ่งละ ๑ บาท เถามวกทั้งสอง ขมิ้นอ้อย ลักขี เถาวัลย์เปรียงแดง เถา
ย่านาง สิ่งละ ๒ บาท โกฐทั้งห้า เทียนทั้งห้า ผลจันทน์ ดอกจันทน์ กระวาน กานพลู จันทน์ทั้งสอง กฤษณา กระลำพัก อบเชย ชะลูด ตรีกฏุก สิ่งละ ๓ บาท ดอกจำปา ดอกกระดังงา ดอกบุนนาค ดอกพิกุล สิ่งละ ๔ บาท
ใบต้นเลือดแรด ๖ บาท ฝางเส้น ๑o บาท คำฝอย ๒๔ บาท ตรีผลาตามพิกัด บดทำแท่งไว้ ละลายน้ำดอกไม้ แทรกพิมเสน ชะมด
๔. ๔. ยาแก้โลหิตปกติโทษจากเส้นเอ็น
ขนานที่ ๑ ยาจักรพรรดิ
โกฐทั้งห้า เทียนทั้งห้า สิ่งละ ๑ บาท ผลจันทน์ ดอกจันทน์ จันทน์ทั้งสอง กระวาน กานพลู กฤษณา กระลำพัก ชะลูด แก่นสน สมุลแว้ง ชะเอมทั้งสอง ดอกสารภี ดอกพิกุล รากระงับพิษ มะตูมอ่อน แห้วหมู แฝกหอม สิ่งละ ๔ บาท แก่นประดู่ แก่นขี้เหล็ก แก่นราชพฤกษ์ แก่นมะเกลือ สิ่งละ ๕ บาท ขมิ้นเครือ เบญจกูล สิ่งละ ๘ บาท เถาวัลย์เปรียง ๑o บาท ตรีผลาตามพิกัด ทำผง เอาใบต้นเลือดแรด ต้มเป็นกระสาย บดทำแท่งไว้ ละลายน้ำดอกคำต้ม แทรกชะมด พิมเสน หญ้าฝรั่น
ขนานที่ ๒ ยามหิศรนิมิตร
แก่นแสมทั้งสอง แก่นปรู แก่นมะหาด ผักส้มป่อย สิ่งละ ๒ บาท ตรีผลา พริกไทย สิ่งละ ๔ บาท เถาวัลย์เหล็ก ๑o บาท เบญจกูล สิ่งละ ๑๒ บาท ดินประสิว สารส้ม หยิบมือหนึ่ง เอาฝางเคี่ยว ๓ เอา ๑ เป็นกระสาย ต้มตามวิธีให้กิน
๕. ๕. ยาแก้โลหิตปกติโทษจากกระดูก
ขนานที่ ๑ ยาเทพนิมิตร
โกฐสอ โกฐเขมา โกฐเชียง โกฐน้ำเต้า สมุลแว้ง อบเชยเทศ ขมิ้นเครือ แก่นเสน สักขี กระวาน กานพลู สิ่งละ ๒ บาท ดอกลำดวน ดอกกระดังงา ดอกจำปา สิ่งละ ๓ บาท จันทน์ทั้งสอง กฤษณา กระลำพัก ขอนดอก แก่นพรม ชะเอมเทศ หวายตะค้า ดอกคำฝอย เลือดแรด สารส้ม สิ่งละ ๔ บาท การบูร พริกไทย สิ่งละ ๕ บาท แก่นแสมทะเล ๑๖ บาท เบญจกูล สิ่งละ ๔ บาท ทำผง เอาแห้วหมูต้ม เป็นน้ำกระสาย บดทำแท่งไว้ ละลายน้ำ เนื้อไม้(กฤษณา) ต้มแทรกพิมเสน ให้กิน
ขนานที่ ๒ ยาจิตรเกสร
ดอกมะกรูด ดอกพิกุล ดอกบุนนาค เกสรบัวหลวง เกสรสัตตบุษย์(บัวแดง) ดอกชะลูด โกฐทั้งห้า แก่นสน จันทน์ทั้งสอง กฤษณา สิ่งละ ๒ บาท แก่นสะเดา แก่นปรู สิ่งละ ๔ บาท ดอกสะเดา ๕ บาท ตรีกฏุก สิ่งละ ๒ บาท บดทำแท่งไว้ ละลายน้ำฝางต้ม แทรกพิมเสนให้กิน
ระดูผิดปกติ
ระดูผิดปกตินั้น มีคำที่ใช้กันในการแพทย์แผนไทยหลายคำดังนี้
คำ ความหมาย
ระดูเดินไม่สะดวก, ระดูขัด
ระดูเดินหยดย้อย มิได้สะดวก
ระดูทับไข้
ไข้ทับระดู
ระดูที่คั่งค้าง, โลหิตตกหมกอยู่
ระดูเน่าเสีย, โลหิตเน่า
ระดูพิการ
ระดูแห้ง, โลหิตแห้ง ระดูร้าง ระดูมาไม่สม่ำเสมอ มีน้อย ลักษณะผิดปกติ
ระดูออกกะปริดกะปรอย
มีระดูระหว่างที่เป็นไข้ (เป็นไข้อยู่ก่อน)
เป็นไข้ระหว่างมีระดู (มีระดูอยู่ก่อน)
ความผิดปกติของระดูเรื้อรัง มักมาน้อย
ลักษณะระดูผิดปกติ ใส เหม็นเน่า และอาจมีพิษเข้าสู่ร่างกายทั่วไป
ระดูไม่ปกติ
ขาดระดู
หลักการรักษาระดูผิดปกติ
มีวิธีปฎิบัติอยู่ ๓ แนวทาง คือ
แนวทางที่ ๑ ให้ยาตามลำดับดังต่อไปนี้
๑. ๑. ยาขับโลหิตร้ายให้หมดเสียก่อน (ยาประจุโลหิตพรหมภักตร์)
๒. ๒. ยาปลูกไฟธาตุ
๓. ๓. ยาบำรุงโลหิตให้บริบูรณ์(ยากำลังราชสีห์, ยากำลังแสงพระอาทิตย์)
แนวทางนี้ คงจะเหมาะสำหรับคนไข้ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับมดลูก เช่น มีการติดเชื้อ หรือติดเชื้อหลัง
คลอด ถ้าปล่อยให้พิษร้ายอยู่ภายในต่อไป ไม่รีบขับออก ก็จะเกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรงมาก กว่าอาการระดูผิดปกติ ดังอาการที่ได้พรรณนาไว้ดังนี้
ยาสตรีไม่มีระดู ไม่สะดวก ไม่ปกติ โลหิตนั้นมีกลิ่นเหม็นเน่า บางทีเป็นน้ำคาวปลาและน้ำซาวข้าว มีอาการ
จุกเสียด สะบัดร้อนสะบัดหนาว เมื่อยขบไปทั่วสรรพางค์กาย บางทีให้บวมหน้า บวมเท้า บวมมือทั้งสอง บวมท้อง เจ็บขบหัวหน่าว บั้นเอวและสะโพก ใบหน้าเขียวคล้ำ เศร้าหมอง หัวนมดำดุจมีครรภ์ บางทีคลั่งเพ้อเป็นบ้า ปวดศรีษะมาก บางคนตาเหลือง ตาแดงเป็นต้อ โทษดังนี้เหตุว่าระดูไม่ปกติจึงให้โทษ
เมื่อให้ยาขับโลหิตร้ายออกแล้ว ก็ให้ยาปลูกธาตุไฟ เพื่อให้ย่อยอาหารได้ดี จะได้มีสารอาหารเข้าร่างกายพอเพียง ร่างกายจะได้สมบูรณ์แข็งแรงขึ้น ต่อจากนั้นก็ให้ยาบำรุงโลหิต เมื่อร่างกายอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดีแล้ว ระดูก็จะมาตามปกติ
แนวทางที่ ๒ ให้ยาตามลำดับดังต่อไปนี้
๑. ๑. ยาบำรุงไฟธาตุ เพื่อให้ธาตุทั้ง ๔ บริบูรณ์เสียก่อน
๒. ๒. ยาบำรุงโลหิต
๓. ๓. ยาขับโลหิต
แนวทางนี้อาจเหมาะสำหรับหญิงที่ไม่เคยมีระดูมาก่อน หรือระดูขาดไปเนื่องจากร่างกายไม่สมบูรณ์
เพราะขาดอาหาร และอาจมีสาเหตุทางจิตใจร่วมด้วย
แนวทางที่ ๓ ให้ยาตามแนวคิดที่ว่า โลหิตระดูมาจากไหนใน ๕ ประการดังกล่าว หรือตามกองธาตุทั้ง ๔ (รักษาตามอาการ) ดังรายละเอียดที่ปรากฎอยู่ในเรื่อง ยาแก้โลหิตปกติโทษ และ ยาแก้สาธารณโลหิตปกติโทษ
ระดูผิดปกติ แยกได้เป็นประเภทต่างๆ ดังต่อไปนี้
๑. ๑. ระดูไม่มาตามวัยที่กำหนด ชื่อว่า ชาติโทษ
สาเหตุ
เป็นกรรมพันธุ์สืบเนื่องมาแต่ตระกูลแห่งมารดาบิดา และย่ายาย มีระดูช้ากว่าปกติ การเจริญเติบโต เป็นสาวช้ากว่าธรรมชาติ เมื่ออายุ ๑๔–๑๕ ปี ควรมีระดูก็หามีระดูไม่ บางทีมีระดูคราวหนึ่ง มีสามีแล้วจึงมีระดูปกติ บางทีมีระดูมาครั้งเดียว ก็ตั้งครรภ์
โดยมากมักไม่มีความผิดปกติอื่นๆ และมักมีระดูก่อนอายุครบ ๑๖ ปี ถ้าเลยจากนี้ไปแล้วระดูยังไม่มา ก็น่าจะมีสาเหตุที่ผิดปกติต่างๆ ซึ่งมักมีความผิดปกติของรังไข่หรือฮอร์โมน ทำให้มดลูกไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร หรือเป็นความผิดปกติของร่างกาย ไม่มีรังไข่ มดลูก หรือช่องคลอดมาแต่กำเนิด หรือมีเยื่อพรหมจารีย์ปิดปากช่องคลอด นอกจากนั้นในรายที่ขาดธาตุสังกะสี (ดินในบริเวณนั้นขาดธาตุสังกะสีทำให้ผู้ที่อยู่ประจำในถิ่นนั้นไม่ได้รับสังกะสีจากอาหาร) ซึ่งจะทำให้อวัยวะสืบพันธุ์ไม่เจริญเติบโตและโลหิตจาง ดังนั้น การที่ระดูไม่มาในบางรายก็ไม่อาจรักษาให้หายได้ สำหรับรายที่มีเยื่อพรหมจารีย์ปิดปากช่องคลอด เมื่อมีสามีแล้ว เยื่อนี้ขาดออกก็อาจมีระดูได้ตามปกติ
การรักษา
ให้ยาบำรุงธาตุให้บริบูรณ์ เมื่อถึงเวลา ระดูก็จะมาเอง
๒. ๒. ระดูเดินไม่สะดวก, ระดูขัด
คนไข้มีระดู แต่มาในระยะเวลาไม่สม่ำเสมอ ที่ใช้คำว่า เดินไม่สะดวก เข้าใจว่าคงมาจาก เรื่องกำเนิด
ระดู ๕ นั่นเอง ระดูเดินจากที่กำเนิดไม่สะดวก ขัดข้อง เกิดความล่าช้าหรือครั้งหลังมาตามปกติ แต่มาตามหลังครั้งที่ติดขัดอยู่ ทำให้บางเดือนมีมากกว่า ๑ ครั้ง ถ้าระดูขัดอยู่นาน โดยมิใช่เป็นการตั้งครรภ์ อาจเรียกได้ว่า ระดูขาด
สาเหตุ
๑. ๑. จิตใจ มีส่วนสำคัญมาก ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ เช่น ในเรื่องเพศสัมพันธ์ ครอบครัว อาชีพ ฯลฯ ทำให้ระดูไม่มาได้หลายเดือน
๒. ๒. สุขภาพกาย ถ้าไม่สมบูรณ์ เช่น ขาดอาหาร หรือเป็นโรคเรื้อรัง ย่อมมีผลกระทบไปทุกระบบ รวมทั้งจิตใจด้วย
การรักษา
หาสาเหตุ และพยายามกำจัดเสีย และควรพิจารณายาแก้ ว่าควรใช้ขนานใดจึงจะตรงที่สุด
๓. ๓. ระดูมามากกว่าปกติ
โดยปกติโลหิตระดูจะออกมากใน ๑-๒ วันแรก และไม่ควรนานกว่า ๗ วัน ถ้าออกมากและนาน
กว่านี้ หรือกระปริดกระปรอยนานเป็นสัปดาห์ ถือว่าผิดปกติ โดยมากมักไม่มีอาการปวดท้องร่วมด้วย แต่จะทำให้ซีดและอ่อนเพลียจาการเสียเลือด
สาเหตุ
๑. ๑. การเสียสมดุลระหว่างฮอร์เพศหญิง (เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน) โดยไม่ทราบสาเหตุแท้จริง เอสโตรเจนมีมาก ทำให้เยื่อบุมดลูกหนาขึ้น และในที่สุดเมื่อเยื่อบุมดลูกพัง ก็จะมีเลือดออกมากและนาน พบมากในวัยสาวขณะเริ่มมีระดูครั้งแรกและวัยใกล้หมดระดู
๒. ๒. มีเนื้องอกของกล้ามเนื้อผนังมดลูก ขัดขวางการหดตัวของมดลูก ซึ่งโดยปกติจะทำให้หลอดเลือดที่เปิดอ้าขณะมีระดูปิดได้ เลือดจึงไหลกะปริดกะปรอยเรื่อยๆ จนกว่าเยื่อบุผนังมดลูกจะเจริญมาปิดเลือดจึงหยุด
การรักษา
อาจหายเองได้ในรายเริ่มมีระดูและหมดระดู แต่ถ้ายังไม่ถึงวัยหมดระดู หากยังมียาที่สามารถทำให้เนื้องอกฝ่อไปได้ก็ไม่ต้องผ่าตัด ถ้าไม่หาย เนื้องอกโตขึ้น ก็ต้องผ่าเอาออก
๔. ๔. ระดูขาด, ระดูแห้ง, โลหิตแห้ง, ระดูร้าง
สาเหตุ
๑. ๑. ตั้งครรภ์ หลังคลอดบุตร หรือให้นมบุตร
๒. ๒. จิตใจ มีความเครียด ความกังวล เช่นเดียวกับภาวะระดูขัด แต่นานกว่า บางรายไม่มีลูก ความที่อยากมีจึงไฝ่ฝันอยู่ตลอดเวลา อาจทำให้ระดูขาดและเกิดภาวะตั้งครรภ์หลอกได้
๓. ๓. สุขภาพกาย เช่น ซีดมากจากโรคพยาธิปากขอ และโรคเรื้อรังอื่นๆ (กษัย)
การรักษา
ในกรณีตั้งครรภ์ หลังคลอดบุตร หรือให้นมบุตรตามปกติ ไม่มีโรคแทรกซ้อน ก็ให้ยาบำรุงธาตุและบำรุงโลหิต เพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง แต่ถ้าหลังคลอดมีการติดเชื้อ จึงมีวิธีทำให้ปลอดเชื้อหลังคลอดโดยวิธี อยู่ไฟ นอกจากนั้นก็ให้กินยา ขับน้ำคาวปลา เพื่อไม่ให้เชื้อโรคเจริญงอกงามได้ ป้องกันฝีมดลูก และให้มดลูกหดตัวโดยเร็ว
สำหรับในรายที่ขาดระดูจากสาเหตุอื่น ก็รักษาตามแนวทางที่วางไว้ เช่น ถ้าร่างกายอ่อนแอ บริโภคอาหารมิได้ และซีด ก็ให้ยาบำรุงธาตุ เจริญอาหาร และบำรุงเลือด เป็นต้น
อนึ่ง บางรายที่ก่อนมีสามี ระดูนั้นบริบูรณ์ ครั้นเมื่อมีสามี แล้วไม่นานนัก ระดูก็ค่อยๆ จางลงและขาดไปในที่สุด มีอาการเจ็บหลัง เจ็บเอว เมื่อยไปทุกข้อลำ จุกแดก ท้องขึ้นท้องพอง ผิวเนื้อชา ซีด หน้าตาอิดโรย หิวโหยเป็นกำลัง นอนมิหลับ กินข้าวมิได้ ทั้งนี้เป็นเพราะซ่องเสพด้วยกามคุณมากจากความปรารถนาของตนเอง หรือจากความต้องการของสามีจนตนเองทนทานกำลังของสามีไม่ได้ ก็ให้ยาตามลำดับ ดังนี้
๑. ๑. ให้ยาประจุโลหิต (ฟอกเลือด)
๒. ๒. ให้ยาบำรุงธาตุ บำรุงกาม
๓. ๓. ให้ยาบำรุงโลหิตให้บริบูรณ์ ชื่อว่า ยากำลังราชสีห็ และยาแสงพระอาทิตย์ โลหิตบริบูรณ์แล้วเมื่อไร ก็จะตั้งครรภ์
ยาแก้ระดูผิดปกติ
๑. ๑. ยาแก้ไม่มีระดูตามกำหนด
ขนานที่ ๑ ยาแก้หญิงไม่มีระดูตามกำหนด และขับโลหิตเน่าร้ายทั้งปวง
ใบมะขาม ใบส้มป่อย สิ่งละ ๑o ตำลึง ผลคัดเค้า ๒ ตำลึง ฝักราชพฤกษ์ ๑ ตำลึง ผลมูลกาแดง ผลมูลกาขาว สิ่งละ ๑ บาท ใส่หม้อเคี่ยวให้ข้นแต่พอดี ปรุงยาดำ ๑ บาท เกลือสินเธาว์ ๒ บาท เคี่ยวให้แต่พอกินได้ ยานี้วิเศษนัก
๒. ๒. ยาแก้ระดูไม่สะดวก, ระดูขัด
ขนานที่ ๑ ยาแก้ระดูขัด
รากละหุ่งแดง เมล็ดฝ้ายหีบแล้ว เทียนดำ ขิง ดินประสิวขาว สิ่งละเท่าๆกัน ต้มกินแก้ช้ำรั่ว และแก้ระดูขัด
ขนานที่ ๒ ยาแก้ระดูไม่สะดวก
เอาหญ้าไซ ๑ กำมือ พริกไทย ๓๓ เม็ด กระเทียม ๓ หัว ขิง ดีปลี บดละลายสุรา กินดีนัก แก้โลหิต แก้ริดสีดวง
ขนานที่ ๓ ยาแก้ระดูขัด และพิษโลหิตตกรัง
ผักไห่ ทั้งต้นทั้งรากทั้งผล รากฟักข้าว รากขี้กาแดง ขมิ้นอ้อย ผลคัดเค้า สิ่งละเท่าๆ กัน ต้ม ๓ เอา ๑ กินขับโลหิตเน่าร้ายทั้งปวงออกสิ้นเชิง
๓. ๓. ยาแก้ระดูมากกว่าปกติ
พริกไทย หัวหอม เทียนดำ กระเทียมแห้ง สิ่งละ ๑ บาท ทำผง บดด้วยน้ำมะนาว ปั้นแท่งไว้กิน
๔. ๔. ยาแก้ระดูขาด, ยาขับระดู, ยาขับโลหิต
ขนานที่ ๑
ผลกระวาน แห้วหมู เทพทาโร ขิงแครง หัวอุตพิต ขิง ข่า กระเทียม รากสะแก รากหนามแดง รากกรด รากพุดนา สิ่งละเท่าๆกัน ขมิ้นชัน ๓ หัว ทำผง ละลายน้ำผึ้งกิน ขับโลหิตมากดีนักแล
ขนานที่ ๒
ขิง ดีปลี สมอเทศ สมอพิเภก เปล้าทั้งสอง โกฐสอ โกฐเขมา เทียนดำ เทียนขาว รากเจตมูลเพลิง ผลกระวาน หัวแห้วหมู ว่านน้ำ ฝักราชพฤกษ์ บอระเพ็ด ยาดำ โกฐจุฬาลำพา ต้ม ๓ เอา ๑ กินขับโลหิตออกดีแล
ขนานที่ ๓ ยาพอกท้องน้อยขับโลหิต
ว่านน้ำ ใบเจตมูลเพลิง พริกไทย ขิง กระเทียม หางไหลแดง สนเทศ แก่นแสมสาร สิ่งละเท่าๆ กัน เอาน้ำข่าเป็นกระสาย บดพอกท้องน้อย ออกสะดวกดีนักแล
ยาพอกโลหิตหลังคลอด
ในกาลก่อน ความรู้เรื่องการติดเชื้อมีน้อยมาก ดังนั้นจึงมักมีการติดเชื้อหลังคลอดบ่อยๆ ซึ่งทำให้กล่าวว่า โลหิตที่ยังคงคั่งค้างอยู่ เป็นโลหิตเน่า เป็นโลหิตเน่า โลหิตร้าย และหากมีกำลังมาก จะตีขึ้นไป ทำให้สิ้นสติ นั่นก็คือ โลหิตเป็นพิษ คนไข้มีอาการไข้สูงหลังคลอด เพราะเชื้อโรคจากมดลูกเข้าสู่กระแสโลหิตทั่วร่างกาย บางรายอาจมีอาการชัก เพราะติดเชื้อบาดทะยัก มือกำเท้ากำ อ้าปากไม่ออกและอาการรุนแรงอื่นๆ มดลูกอาจเน่า และสิ่งที่ไหลออกทางช่องคลอดอาจมีลักษณะเป็นเลือดเน่าปนหนอง มีกลิ่นเหม็นจัดซึ่งถือว่า เป็นโรคอยู่ไฟไม่ได้ หรือ เป็นโรคที่ไม่ได้อยู่ไฟ ดังนั้น นอกจากจะให้หญิงหลังคลอด อยู่ไฟ แล้วจะต้องให้ ยาขับโลหิตเน่าร้าย ออกโดยสิ้นเชิงโดยเร็ว เป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้ากระแสโลหิต
ขนานที่ ๑ ยาต้มเบญจขันธ์น้อย แก้โลหิตเน่าไม่ออก
เปลือกมะยมตัวผู้ เปลือกมะไฟ เปลือกสะท้อน รากตองแตก ใบเสมอทะเล สิ่งละเท่าๆ กัน ต้ม ๓ เอา ๑ ให้กินแต่พอกำลัง แก้สรรพโลหิตเน่าหายแล
ขนานที่ ๒ ยาต้มเบญจขันธ์ใหญ่ แก้โลหิตตกหมกอยู่
หัวหอม ขิง เจตมูลเพลิง ไพล ใบคนทีสอ เทียนดำ สิ่งละ ๑ บาท เอาเหล้าเป็นกระสาย ต้ม ๓ เอา ๑ กิน
ขนานที่ ๓ ยากินแก้อยู่ไฟไม่ได้ แก้โลหิตร้าย ขัดระดู
รากส้มกุ้ง ๘ บาท ผักแพวแดง ๒ บาท แก่นแสมทั้งสอง ตรีกฏุก สะค้าน มดยอบ สารส้ม สิ่งละ ๑ บาท ทำผง สำหรับอยู่ไฟไม่ได้ ให้ขัดระดู
ยาบำรุงธาตุไฟ
ขนานที่ ๑
เบญจกูล ผลผักชี ว่านน้ำ แห้วหมู พิลังกาสา บอระเพ็ด ผิวมะกรูด สิ่งละ ๑ บาท ทำผงละลายน้ำส้มซ่า
ขนานที่ ๒ ยาปลูกไฟธาตุ เป็นยาอายุวัฒนะด้วย
ดีปลี รากช้าพลู ผักแพวแดง สะค้าน ขิงแห้ง ผลผักชีล้อม ว่านน้ำ หัวแห้วหมู ผลพิลังกาสา ผิวมะกรูด สิ่งละเท่าๆกัน พริกล่อนเท่ายาทั้งหลาย ทำผง ละลายน้ำผึ้ง น้ำส้มซ่า น้ำร้อนหรือสุราก็ได้ ปลูกไฟธาตุให้โลหิตงาม ถ้าไม่มีระดู ให้มีระดูมา ถ้าแม่ลูกอ่อนกินจะมีน้ำนมมาก ทั้งหาโทษมิได้เลย
ยาบำรุงโลหิต
ขนานที่ ๑
เบญจกูล สิ่งละ ๑ บาท โกฐทั้งห้า เทียนทั้งห้า สิ่งละ ๒ สลึง ผลจันทน์ ดอกจันทน์ กระวาน กานพลู สิ่งละ ๑ สลึง เลือดแรด ดอกคำไทย สิ่งละ ๑ บาท ฝางเสน ๒ บาท ดอกพิกุล ดอกบุนนาค ดอกสารภี ดอกบัวหลวง ดอกมะลิ ดอกจำปา ดอกกระดังงา กฤษณา กระลำพัก ชะลูด ขอนดอก อบเชยเทศ จันทน์ทั้งสอง ขมิ้นเครือ สิ่งละเท่าๆกัน
ขนานที่ ๒
เทียนดำ ๑ สลึง ผลจันทน์ ดอกจันทน์ ดอกบุนนาค โกฐสอเทศ อบเชยเทศ สิ่งละ ๒ สลึง ใบกระวาน ๑ บาท พริกไทย ขิงแห้ง ดีปลี สิ่งละ ๒ บาท ทำผง ละลายน้ำผึ้งทำเป็นลูกกลอน กินเป็นยา บำรุงโลหิต ถ้าโลหิตกรัง เน่าเป็นน้ำชานหมาก หรือเป็นดังน้ำซาวข้าว ให้ละลายน้ำมะขามเปียก แทรกน้ำตาลทราย
ที่มา: แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น