วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553

คำภีร์ธาตุวิวรณ์

คำภีร์ธาตุวิวรณ์.     ธาตุ ๔ พิการ
       .   ปถวีธาตุพิการ  ทำใ้กายคนไข้แข็งกระด้าง ตึงชา เนื้อหนังเหี่ยวแห้ง แข็งดังขอนไม้ เปรียบดังอสรพิษกฎมุข ขบตอด
       .  อาโปธาตุพิการ  ให้พรุนเปื่อย เป็นหิด เป็นฝี

บางทีเป็นเม็ดคันทั่วกาย มีน้ำเหลืองไหลปริ กลิ่นเหม็นเน่า เปรียบ ดังงุปูติมุข ขบตอด มีพิษซ๋านทั่วกาย
       .  เตโชธาตุพิการ  ให้รุ่มร้อนเป็นกำลัง ผิวหนังหม่นไหม้ด้านดำ มีพิษดังงูอัคคีมุข ขบตอด ดังไฟลนทั่วทั้งกาย        .  วาโยธาตุพิการ มีโทษมากกว่าธาตุทั้ง ๓ มีพิษให้เปื่อยพัง ให้ขาดเป็นชิ้นๆ ดังมีดเชือด เปรียบดัง งูสัตถมุข ขบตอด ให้เปื่่อยเน่าทั่วร่างกาย

.     ฤดู ๓ ให้ธาตุพิการ
        .  คิมหันตฤดู ( แรม ๑ ค่ำเดือน ๔ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘) เตโชธาตุพิการ โลหิตเป็นต้น ไข้มักให้โทษนานา ประการ
        .  วสันต์ฤดู ( แรม ๑ ค่ำเืดือน ๘ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำเืดือน ๑๒) วาโยธาตุพิการ ให้โทษกว่าธาตุทุกกอง
        .๓  เหมันตฤดู ( แรม ๑ ค่ำเืดือน ๑๒ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๔) อาโปธาตุพิการ

.     ฤดู ๔ ให้ธาตุพิการ
        .  คิมหันตฤดู ( เดือน ๕, ๖ และ ๗) เป็นเพื่อเตโชธาตุ พิกัดสันตัปปัคคี ให้โลหิตพิการ อยากอาหารบ่อย กินมิ ทันอิ่มให้อาเจียน ขัดอก แสบไส้จุกเสียด เวียนหน้า เป็นลมในครรภ์ ให้ปวดมวนท้อง มือเท้าสั่น เมื่อยตัว หายใจดุจหืด ระ ส่ำระสาย และเกิดลมร้าย ๖ จำพวก
       .๒  วสันตฤดู ( เดือน ๘, , และ ๑๐) เป็นเพื่อวาโยธาตุกำเริบ เหตุเกิดเพราะกินอาหารให้เกิดโรคผอมเหลือง หายใจสั้น ให้ท้องลั่นโครก แดกขึ้นแดกลง หาวเรอ วิงเวียนหน้าตา กินอาหารไม่รู้รส หูหนัก ปากเหม็น ปากหวาน เกิดกาฬเลือดออกมาทางปาก ทางหู
       .  วสันตเหมันตฤดู ( เดือน ๑๑,๑๒ และ ๑) สองฤดูระคนกัน อาโปธาตุกำเริบ เหตุด้วยกินอาหารผิดสำแดง มักขึ้งโกรธดุจเป็นบ้า ขบตามข้อกระดูก มือเท้าบวม ให้ลงเป็นโลหิต ให้ไอ ให้ผอมเหลือง ขัดทรวง ลงท้องปวดมวน กินไม่ได้ นอนไม่หลับ
       .  เหมันตคิทหันตฤดู ( เดือน ๒,๓ และ ๔) สองฤดุระคนกัน ปถวีธาตุกำเริบ นอนไม่หลับ กระหายน้ำ ให้รุ่ม ร้อน เสียดสองข้าง มักขึ้งโกรธ ให้เจ็บคอ ปากหวาน เจ็บอก ท้องลั่นปั่นป่วน

.     ฤดู ๖ ให้ธาตุพิการ
        .  คิมหันตฤดู ( เืดือน ๕-) เป็นเพื่อกำเดาและดี แสบอก เมื่อยมือ เมื่อยเท้า เสียดแทงนอนไม่หลับ มวนท้อง อาเจียน สะอึก
        .  คิมหันตวสันตฤดู ( เืดือน ๗-) เป็นเพื่อเตโช วาโย กำเดา โลหิต ให้ปวดมวนในกาย ปวดศีรษะ นอนไม่ หลับ กินอาหารไม่รู้รส ให้ระส่ำระสาย คลั่งไคล้ลืมตัว
        .  วสันตฤดู ( เดือน ๙-๑๐) เกิดเพื่อวาโยกล้า เกิดโรคเพื่อเสมหะ ให้หนักอก หายใจขัด คันตัว หากวาโย และ เสมหะระคนกัน
มีรสกล้ามาก
        ๔.  สะระทะฤดู ( เดือน ๑๑-๑๒) วสันตและเหมันตเจือ ไข้เกิดเพื่อลมและเสมหะมูตร ร้อนในทรวงอก ร้อนในไส้ ในกาย ให้เจ็บฟก เจ็บกระดูกสันหลัง และเจ็บคอ
        .  เหมันตฤดู ( เดือน ๑-) อาโปและปถวีแทรก เป็นไข้เพื่อเสมหะ กำเดาเลือด ให้เจ็บสันหลัง บั่นเอว เนื้อตึง ต้นคอแข็งดุจดังตรีโทษ
        .  ศิศิระฤดู ( เดือน ๓-) ปถวีธาตุเป็นมูลโรค เกิดโรคด้วยเลือด ลม กำเดาเจือเสลด เกิดโรคฟกบวม หูทั้งสอง เป็นน้ำหนวก เหม็นเลือดเน่า ไหลออกจากหู

.     ธาตุ ๔ วิปลาส
        .  กองปถวีธาตุ เกิดเหา และเล็นมาก ใช้ครุ่นอยู่ เป็นประมาณ ท้องลั่นและพลุกพล่าน ให้ท้องขึ้นและเจ็บท้อง ตกเลือดเหม็นเน่า เสีียดแทงในท้อง ขัดตะโพก อาการเหมือนเป็นกระษัย ให้เจ็บในอก ให้เนื้อช้ำฟก เล็บมือ เล็บเท้าเขียว
        .  กองเตโชธาตุ   ให้ร้อนปลายมือปลายเท้า ดุจดังปลาดุกยอด ให้ร้อน ในท้องในไส้ บวมหน้า บวมหน้าบวม หลัง และท้อง เป็นเม็ดแสบร้อน ดังหัวผดทั่วทั้งตัว และหลบกลับเข้าด้านใน ให้เจ็บหลัง ตกมูกเลือดเป็นหนอง
        .  กองวาโยธาตุ เป็นตะคริว เมื่อยมือเมื่อยเท้า หูอื้อตึง หนักเอว หนักสันหลัง รากลมเปล่า เจ็บอก ขัดหัวเข่า หายใจขัดอก เป็นหวัด หอบหืด ตาพราย วิงเวียนหน้าตา
        .  กองอาโปธาตุ  จุกอก ลงท้อง แล้วแปรเป็นกระษัยกล่อน ขัดหนักขัดเบา ตึงหัวเหน่า ท้องน้อยเป็นก้อน เป็น ลูกกลิ้งขึ้นกลิ้งลง ตกเลือดตกหนอง พรรดึกร้อนหน้าหลังดังเพลิง ให้เหลืองซีดผอม เกิดเสลด มือเท้าเย็น ขัดสีข้่าง (ชายขัดทางขวา หญิงขัดทางซ้าย) เป็นไข้จับ

.     ธาตุ ๔ เป็นตรีโทษ
        .๑ ปถวีธาตุ   ให้รากทรวงอกแห้ง กายแข็งเหมือนท่อนไม้ ไม่รู้รสอาหาร เป็นไข้อยู่ร่ำไป เจ็บอก กินอาหารแล้ว ให้แสบท้อง ร้อนในอก ท้องขึ้นท้องพอง เขียวช้ำทั่วกาย
        .  อาโปธาตุ   กายซูบผอม เหงื่อตากมา ตึงตัว ตึงหน้า กินอาหารน้อย ร้อน กระหายน้ำ ขัดอก ในท้องเป็นลม ลั่น อยากของมัน มักขึ้งโกรธ ให้ร้อนและเย็นในอก เป็นไข้จับ ปากชุ่ม ขม ร้อน เผ็ด หวาน
        .  เตโชธาตุ  ร้อนในท้อง ไส้พุงพลุ่งพล่าน มือเท้าตาย ไอดังขลุกๆ ในลำคอและทรวงอก เมื่อยขบทั่วทั้งกาย ให้ผอมแห้ง ปวดมวนท้อง ร้อนรุ่มกาย วิงเวียนหน้าตา มักแสบไส้ เป็นลม มือเท้าสั่น ให้ร้อนเสียวดังเพลิงรม
        .  วาโยธาตุ  ผอมเหลือง ซูบเศร้าหมอง จุกอกเป็นก้อนในทรวงและท้อง ให้ราก สะอึก เรอ ให้ใจสั่น หวานปาก อาเจียน ร้อนอก ปวดศีรษะ เจ็บอก คันตัว ผุดแดงดังสีเลือด ไอดังเป็นหืด หนักหน้า ตามัว

กำหนดวันเวลาเกิดไข้ 

 กำหนดวันเวลาเกิดไข้
. วาตะสมุฎฐาน  กำหนด ๗ วัน
ปิตตะสมุฎฐาน กำหนด ๑๐ วัน
. เสมหะสมุฎฐาน กำหนด ๑๒ วัน
 ลักษณะอาการของโทษ ๒ ( ทุวันโทษ)
. เสมหะกับลม  อาการ  ทำให้กายชุ่มไปด้วยเหงื่อ เจ็บทั่วทั้งกาย ง่วงนอน หนักเนื้อตัว เจ็บศีรษะ มักเป็นหวัด และให้ไอ
.เสมหะกับดี  อาการ เป็นไข้ ปากขม ตัวสั่น พูดพร่าเพ้อ ให้หนาวๆ ร้อนๆ และไอ
. ดีกับโลหิต  อาการ คนไข้ใจระทดรุ่มร้อน หมองจิต มกตกใจสะดุ้ง ดี ลม และกำเดาระคนกัน มักให้อยากน้ำ ออกเสียว เป็นเวลา มักวิงเวียนหน้าตา มักให้กระวนกระวาย ให้คัดจมูก เจ็บศีรษะ ร้อนคอ สะท้านกาย ใจไม่สบาย ให้เจ็บไข้ ให้หนาว

ลักษณะอาการของโทษ ๓ (ตรีโทษ)
โทษ ๓ (ตรีโทษ ปิตตะ เสมหะ ลม ให้เกิดมหาสันนิบาต คนไข้นั้นจะตาย เพราะอาการดังนี้ คือ   ให้ร้อนกระวนกระวาย ให้เจ็บทั่วกาย เซื่อมซึม ไม่สมปฤดี เย็นสะท้าน ทั้งกาย ผิวนวล เวียนหน้าตา กินอาหารน้อย หน้าตาแดงดังสีเลือด เจ็บคอ เจ็บหัวและเจ็บคอ และเจ็บทั่วทั้วกาย ไม่อยากข้าว นอนไม่หลับ ลิ้นกระด้าง หาวนอน ให้หนาวๆ ร้อนๆ ตัวแดงและเหลือง เหมือนทาขมิ้น หายใจขัดทั้งเข้าออก คนไข้ใดมีอาการเช่นว่านี้ ถึงตรีโทษ รักษายากนัก

มูลเหตุของการเกิดโรค มี ๖ ประการ ดังนี้
. กินอาหารผิดเวลา และอิ่มนัก
. เสพเมถุนมาก
. กลางวันนอนมาก
. กลางคืนนอนไม่หลับ
. โทสะมาก
. กลั้นอุจจาระ ปัสสาวะ

โทษห้ามผู้ใข้พึงเว้น ๑๑ ประการ เริ่มตั้งแต่แรกไข้
.    อย่าอาบน้ำ
.    อย่าทาของหอม

.    อย่าเสพเมถุน
.    อย่าขัดสีร่างกาย
.    อย่านอนกลางวัน
.    อย่าทำงานหนัก
.    อย่าเอาโลหิตออกจากกาย
.    อย่าโกนศีรษะหนวดเครา
.    อย่าโกรธให้มากนัก
๑๐.  อย่านอนตากแดด ตากลม
๑๑.  อย่ากินของมันคาว

  • ถ้าเว้น โรคจะรักษาให้หายได้ ถ้าทิฏฐิจะตาย โรคจะพูนทวีเป็นทุวันโทษ และตรีโทษ 

การพิเคราะห์รสยารักษาโรค ใช้ยา ๘ รส มีดังนี้
.    รสขม   ซาบผิวหนัง
.    รสฝาด  ซาบมังสัง
.    รสเค็ม  หวังซาบเส้นเอ็น
.    รสเผ็ดร้อนซาบกระดูก
.    รสหวาน ซึมซาบลำไส้ใหญ่
.     รสเปรี้ยว ซาบลำไส้เล็ก
.    รสหอมเย็น ซาบหัวใจ
.    รสมัน ซาบข้อต่อทั้งปวง

  • ให้แพทย์แต่งรสยา รักษาาโรคตามนี้ โรคจะหาย

การพิเคราะห์โรคตามสถานประเทศ มีดังนี้ คือ
.  กัณห์ประเทศ  บุคคลเกิดที่น้ำจืด น้ำเค็ม เปียกตม มากมาย เกิดโรคเพราะเสมหะ และลมกล้ากว่ากำเดา ดีและโลหิต พึงแต่งยาแก้เสมหะ และวาตะ
.  สาครประเทศ  บุคคลเกิดที่มีกรวด ทราย ศิลามาก น้ำน้อย เกิดโรคเพราะโลหิต และกำเดา กล้ากว่า เสมหะ และลม พึงแต่งยาแก้โลหิตและกำเดา
สาธารณประเทศ บุคคลใดเกิดในที่มาก ด้วย กรวด ทราย เปียกตม ศิลา น้ำจืด น้ำเค็ม หนองน้ำ เกิดโรคระคนกันทั้ง เลือด ลม กำเดา ดี


การพิเคราะห์ใช้ยารักษาโรคตามโลหิตฉวี มีดังนี้คือ
. คนไข้ผิวขาว โลหิตหวาน ใช้ยารสเผ็ด ร้อน ขม
คนไข้ผิวเนื้อขาวเหลือง   โลหิตรสเปรี้ยว ใช้ยารสเค็ม( ใส่เกลือเจือให้มาก)
คนไข้ผิวเนื้อดำ แดง   โลหิตรสเค็ม ห้ามใช้ยารสเค็ม
คนไข้ผิวเนื้อดำ  โลหิตรสเค็ม และเย็นมาก ให้ใช้ยารสหวาน

การพิเคราะห์ กำหนดเวลาไข้ มีดังนี้ืคือ
.   ย่ำรุ่งถึงเที่่ยง เป็นไข้เพื่อเสมหะ
.  เที่ยงถึงเย็น เป็นไข้เพื่อโลหิต
.  ค่ำถึงเที่ยงคืน เป็นไข้เพื่อวาตะ
.  เที่ยงคืน ถึงสว่าง  เป็นไข้เพื่อดี


การพิเคราะห์ ลักษณะประเภทไข้ มีดังนี้คือ
. ไข้เพื่อเสมหะ เอกโทษ อาการ ให้หนาวให้ร้อน ขนลุก แสยงขน จุกอก ให้หลับไหล กินไม่ได้ อ่อนแรง ฝ่ามือฝ่าเท้าซีด เผือด ให้ปากหวาน ให้ราก
 
เที่ยงถึงเย็น เป็นไข้เพื่อโลหิต
ค่ำถึงเที่่ยงคืน  เป็นไข้เพื่อวาตะ
เที่่ยงคืนถึงสว่าง เป็นไข้เพื่อดี


การพิเคราะห์ ลักษณะประเภทไข้ มีดังนี้คือ
. ไข้เพื่อเสมหะและเอกโทษ อาการ ให้หนาวให้ร้อน ขนลุก แสยงขน จุกอก ให้หลับไหล กินไม่ได้ อ่อนแรง ฝ่ามือฝ่าเท้า ซีดเผือด ให้ปากหวาน ให้ราก
. ไข้เพื่อกำเดาเอกโทษ อาการ ให้ปากขม ให้ร้อนและละเมอเพ้อคลั่ง ปวดศีรษะ อยากน้ำเป็นกำลัง กายเหลือง หน้าตา เหลือง ปัสสาวะแดง ให้ตึงแตกระแหง เป็นไข้ ฟันแห้ง นอนไม่หลับ
ไข้เพื่อโลหิต เอกโทษ อาการให้ตัวร้อน ปวดศีรษะมาก หน้าตาแดง ปัสสาวะเหลือง หน้าแตกระแหง ฟันแห้ง
. ไข้เพื่อลมเอกโทษ อาการ ให้ขนลุกขนชัน หนาวสะท้าน ปวดศีรษะ เวียนหน้าตา ม้กโกรธง่้าย เสียดแทงในอก กระหาย น้ำ ในท้องเป็นก้อน ทุรนทุราย หายใจขัด ตาและเล็บเหลือง ไอดังเป็นหวัด ปากฝาด เจ็บคาง เมื่อยขากรรไกร ไอแห้ง


การพิเคราะห์ ลักษณะ เวลาการจับไช้ มีดังนี้คือ
.  โทษหนึ่ง   ย่ำรุ่งถึงบ่ายสามโมง   อาการไข้บรรเทาคลาย
   โทษสอง  บ่ายถึงสองทุ่ม          อาการไข้สร่างเบาหาย
.  โทษสาม  ไก่ขันถึงสามยาม       อาการไข้หนัก
.  โทษสี่     เวลาผิดจากโทษ ๑-โทษ๓   อาการถึงตาย 

 ( จากหนังสือตำราแพทย์แผนโบรารทั่วไป สาขาเวชกรรม เล่ม ๑ โดยกองประกอบโรคศิลปะ สำนักงานปลัดกระทรวง สาธารณสุข หน้า ๕๖ - ๖๑ )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น