กรุงเทพฯ 20 ส.ค.- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นผู้เกี่ยวข้อง (Focus Group) เรื่องร่างประกาศ กทช.ว่าด้วยการกำหนดข้อห้ามการกระทำที่มีลักษณะเป็นการครอบงำกิจการโดยคน ต่างด้าว โดยนายสุธรรม อยู่ในธรรม กรรมการ กทช. เปิดเผยภายหลังการรับฟังความคิดเห็นเสร็จสิ้น ว่า กทช.จะนำความเห็นที่หลากหลายไปสรุปเพื่อนำไปปรับเปลี่ยนร่างประกาศฉบับดัง กล่าว และหลังจากนั้นจะนำไปเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) อีกครั้ง เนื่องจากเป็นประเด็นที่มีผู้สนใจเป็นจำนวนมาก และเพื่อให้เกิดความรอบคอบสมบูรณ์ในการออกประกาศของ กทช.
สำหรับบรรยากาศการเปิดรับฟังความคิดเห็นไปเป็นอย่างคึกคัก มีผู้แสดงความต้องการแสดงความคิดเห็นครั้งละมากกว่า 20 ราย ตั้งแต่นักวิชาการ นักศึกษาปริญญาโท สำนักงานกฎหมาย ชมรมผู้บริโภค และชมรมพอเพียง ซึ่งแต่ละรายจะต้องเสนอความเห็นได้ 5-10 นาที ซึ่งในระหว่างผู้แทนของผู้บริโภคได้แสดงความคิดเห็นนั้น ได้มีตัวแทนของกลุ่มชุมชนพอเพียงเกือบ 10 คน ได้นำป้าย "กทช.ทำถูกแล้ว" และ "เราไม่เอานอมินี" เดินเข้ามาในห้องประชุมระดมความคิดเห็นครั้งนี้ด้วย นอกจากนี้ยังมีตัวแทนสถานทูตนอร์เวย์ หอการค้าต่างประเทศ และตัวแทนสหภาพยุโรปเข้าร่วมงานครั้งนี้ด้วย ซึ่งต่างแสดงความเห็นว่ามีความกังวลว่าร่างประกาศดังกล่าวจะมีผลด้านลบต่อ การลงทุนและอาจขัดต่อข้อตกทางการค้าระหว่างประเทศ
นายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การออกร่างประกาศดังกล่าว ถือว่า กทช.มีเจตนาที่ดีต่อประเทศ ที่จะสร้างความเป็นธรรมและเท่าเทียมกัน แต่การกำหนดกฎเกณฑ์สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่ถือหุ้น 49% ว่ามีสิทธิออกเสียงตามสัดส่วนการถือหุ้น การทำสัญญาธุรกิจของต่างชาตินั้น ยังไม่ชัดเจนและกว้างมาก ทำให้ไม่สามารถสรุปได้ว่าบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นต่างชาติจะต้องปฏิบัติ ตัวอย่างไร เพราะผู้ถือหุ้นย่อมมีสิทธิโดยชอบธรรมในการจัดการและทรัพย์สินที่ลงทุน และที่สำคัญเกรงว่าจะกระทบต่อภาพรวมการลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคม เพราะจะมีผลบังคับใช้ทั้งรายใหม่และรายเก่า
ขณะที่นายวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า ร่างประกาศดังกล่าวมีความสำคัญมากต่อการทำสัญญาธุรกิจระหว่างประเทศ การลงทุนโดยภาพรวม จึงควรจะเปิดกว้างให้หน่วยงานทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้เสนอความคิดเห็น เพราะหากรับฟังความเห็นจาก Focus Group เท่านั้นอาจมีกระทบต่อมาในอนาคตได้
ด้านนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัททรู คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หากมองในแง่การธุรกิจ ประกาศห้ามครอบงำกิจการจากต่างด้าวไม่ได้ส่งผลดีต่อทรู เพราะนั่นหมายถึงค่ายทรูจะขายหุ้นเพิ่มทุนได้ยากขึ้น ราคาไม่ดีเหมือนกับผู้ประกอบการที่ขายหุ้นไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากไม่สามารถขายพรีเมี่ยมแลกกับอำนาจการบริหารบริษัทได้อีกต่อไป แต่หากมองในแง่ประชาชน มองว่าเกณฑ์ดังกล่าวมีความเหมาะสม เพราะคลื่นความถี่ถือเป็นสาธารณูปโภคที่สำคัญ ไม่ควรปล่อยให้คนต่างชาติเข้ามาถือหุ้นแบบหลบๆ ซ่อนๆ เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และไม่อยากให้มองว่าประกาศดังกล่าวเป็นการเอื้อต่อทรู เพราะการแข่งขันยังคงเหมือนเดิม แม้ว่าบริษัทไทยจะดูเหมือนได้ประโยชน์ แต่ก็ไม่ใช่ทรูเพียงค่ายเดียว บริษัทไทยอื่นๆ ก็ได้ประโยชน์ไปด้วย
ถ้าไม่มีประกาศฉบับดังกล่าว บริษัทโทรคมนาคมไทยถูกทุนต่างชาติกวาดไปหมดแน่ จะเห็นว่าบริษัทผมซึ่งเป็นบริษัทไทย หนี้ท่วมหัว นั่นเป็นเพราะผมเลือกที่จะกู้เงินแทนที่จะขายหุ้นเพิ่มทุน" นายศุภชัย กล่าว
ส่วนเรื่องความกังวลในการประมูลใบอนุญาต 3 จี โดยเฉพาะความสามารถในการแข่งขันประมูลนั้น นายศุภชัย กล่าวว่า คงสู้เต็มที่ แต่ไม่รู้ว่าจะสู้ไหวหรือไม่ ไม่แน่ใจเอามากๆ เนื่องจากไม่รู้ว่าจะมีทุนต่างชาติเงินหนาเข้ามาหรือไม่ อย่างเทเลคอมมาเลเซีย หรือทาทาแห่งอินเดีย ซึ่งหากเข้ามา เขาคงไม่ยอมแพ้
ส่วนนายนฤพนธ์ รัตนสมาหาร ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า ดีแทค ที่มีเทเลนอร์ บริษัทสื่อสารจากประเทศนอรเวย์เป็นผู้ถือหุ้นที่ลงทุนในประเทศไทยมาตั้งแต่ ปี 2543 มีความปรารถนาดีต่อประเทศไทยมาตลอด เทเลนอร์เป็นนักลงทุน ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ซึ่งแต่ละปีนำส่งรายได้ให้รัฐในรูปส่วนแบ่งรายได้สัมปทานไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงต้องการถาม กทช.ถึงเหตุผลความจำเป็นที่แท้จริงจาก กทช.ในการออกร่างประกาศฉบับดังกล่าว ถ้าจะอ้างว่าทำตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด แต่เหตุใดมาทำในช่วงใกล้เปิดประมูลใบอนุญาต 3 จี ต้องการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายใดรายหนึ่งหรือไม่ รวมถึงกทช.ควรจะปรึกษาหารือกับรัฐบาลด้วย เพราะรัฐบาลมีนโยบายเชิญชวนให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน โดยเกรงว่าจะเกิดปัญหาขึ้นมาในอนาคต แต่หากรัฐบาลเห็นด้วยกับการออกประกาศฉบับนี้ ดีแทคจะยอมรับโดยดุษฎี
เชื่อ ว่าทุกคนรักชาติ ลูกค้าของดีแทคกว่า 20 ล้านคนก็รักชาติ แต่การออกประกาศฉบับดังกล่าว ไม่ส่งเสริมให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยตามนโยบายรัฐบาล และหากให้คนไทยลงทุน ก็ต้องกู้เงินจากต่างประเทศมาลงทุน จะเจ๊งหรือกำไร ก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยตลอด ขณะที่นักลงทุนที่หอบเงินมาลงทุน ก็จะได้ผลตอบแทนเป็นปันผลเมื่อธุรกิจกำไร และยังทุ่มเม็ดเงินเพื่อขยายการลงทุนอีก" นายนฤพนธ์ กล่าว
ส่วนผู้แทนจากกระทรวงการคลัง ได้แสดงความเห็นว่า กทช.มีเหตุผลความจำเป็นใดจึงได้ออกร่างประกาศฉบับนี้ และมีการวิเคราะห์ถึงผลกระทบต่อที่จะเกิดขึ้น รวมถึงได้พิจารณาว่าจะขัดต่อกฎหมายทั้งในและต่างประเทศ และจำกัดสิทธิในการออกเสียงของผู้ถือหุ้น ถือเป็นการไม่เท่าเทียมเสมอภาคของผู้ถือหุ้นหรือไม่ ประกอบกับการออกประกาศดังกล่าวสวนทางกับนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมการลงทุน จากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ขณะที่ตัวแทนหอการค้าไทย ได้แสดงความเห็นว่า ร่างประกาศดังกล่าว ค่อนข้างเข้มงวดมากในตำแหน่งผู้บริหาร อาจส่งผลกระทบให้คนไทยและต่างชาติไม่สามารถบริหารจัดการงานได้
โดยในส่วนของตัวแทนบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ได้แสดงความคิดเห็นและต้องการให้ กทช.นำไปปรับปรุงเปลี่ยนในข้อ 17 ที่กำหนดให้ทีโอทีและ กสท มีหน้าที่รายงานต่อ กทช.ถึงสถานภาพของการถือครองหุ้นของผู้ได้รับอนุญาต สัมปทานหรือสัญญาภายใต้สัญญาร่วมการงาน ว่าไม่มีการครอบงำโดยคนต่างด้าว ภายใน 30 วันนับตั้งแต่ประกาศมีผลบังคับใช้นั้น เนื่องจากทีโอทีและ กสท ไม่สามารถรับรองได้ดีเท่ากับบริษัทผู้รับสัมปทาน ดังนั้นกทช.ต้องใช้อำนาจในการสั่งการให้บริษัทต้องปฏิบัติตามประกาศของ กทช. เช่นเดียวกันกับกรณีอื่น ๆที่ กทช.ได้สั่งการโดยตรงไปยังให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทุกรายปฏิบัติตามคำ สั่งของ กทช. ได้แก่ การใช้และเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม การยื่นขอเลขหมายโทรคมนาคม เป็นต้น .-สำนักข่าวไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น