ราคาน้ำมันปรับลดลงพรุ่งนี้กลุ่มเบนซินลดลง 60 สต.(ยกเว้น อีก 85) ดีเซล 40 สต.
กรุงเทพฯ 21 ส.ค.- ผู้ค้าน้ำมันทุกรายประกาศปรับลดราคาน้ำมันมีผลวันพรุ่งนี้ (22 ส.ค.) เวลา 05.00 น.เป็นต้นไป โดยปรับลดกลุ่มเบนซิน ยกเว้น อี 85 ลง 60 สต./ลิตร กลุ่มดีเซล 40 สต.ต่อลิตร หลังราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะหวั่นภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ โดยล่าสุดราคาน้ำมับดิบล่วงหน้าสหรัฐอยู่ที่ 73.94 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล สำหรับราคาน้ำมันหลังปรับลดราคาขายปลีกในไทย พรุ่งนี้เป็นดังนี้ E85 : 18.82 บาท/ลิตร, E20 : 28.94 บาท/ลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 : 31.24 บาท/ลิตร, แก๊สโซฮอล์ 91 : 29.74 บาท/ลิตร, เบนซิน 91 : 35.04 บาท/ลิตร, B5: 26.99 บาท/ลิตร ดีเซลหมุนเร็ว 28.19 บาท/ลิตร
นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก หน่วยธุรกิจน้ำมัน บมจ.ปตท. เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์สภาพเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมา พบว่าความกังวลเกี่ยวกับการเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจถดถอยระลอก 2 ของสหรัฐ เริ่มมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ภายหลังดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงอ่อนแอ ล่าสุดจำนวนผู้ขอรับสิทธิประโยชน์ว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ ได้พุ่งสูงขึ้นอีก 12,000 ตำแหน่ง ไปอยู่ที่ 500,000 ตำแหน่ง ทำสถิติสูงสุดในรอบ 9 เดือน นอกจากนี้ ดัชนีภาคอุตสาหกรรม บริเวณ Mid-Atlantic ของสหรัฐ ในเดือน ส.ค.53 ยังลดลงต่ำสุดในรอบปีที่ระดับ -7.7 จุด ส่งผลให้ดัชชีตลาดหุ้นดาวโจนส์ของสหรัฐ 2 วันที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 144.33 จุด และ 57.59 จุด ตามลำดับ อีกทั้งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโร ซึ่งความกังวลเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจได้ส่งผลไปถึงการคาดการณ์ปริมาณความต้อง การใช้น้ำมันว่าอาจมีปริมาณต่ำกว่าที่ได้ประเมินไว้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันได้อ่อนตัวลง
ล่าสุด วันนี้ (21 ส.ค.53) ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 70.70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน 95 สิงคโปร์อยู่ที่ 80.80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ส่วนน้ำมันสำเร็จรูปดีเซลสิงคโปร์อยู่ที่ 85.38 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และเมื่อเปรียบเทียบราคาในสัปดาห์นี้กับราคาปิดของสัปดาห์ก่อนพบว่าราคา น้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน 95 ได้อ่อนตัวลงมากกว่าน้ำมันสำเร็จรูปดีเซลสิงคโปร์ จึงให้ ปตท. สามารถประกาศข่าวดีปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซิน (แก๊สโซฮอล์ 95 แก๊สโซฮอล์ 91 เบนซิน 91 เว้น E85) ลงได้ 60 สตางค์/ลิตร และน้ำมันกลุ่มดีเซล ลดลง 40 สตางค์/ลิตร.-สำนักข่าวไทย
| ที่มา : สำนักข่าวไทย |  |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น